Top

Out Of Box

Out Of Box

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เราเดินทางกันมาเลยครึ่งปีแล้ว หลายองค์กรเริ่มเดินหน้าติดเครื่องเร่งสปีดการทำงานอย่างหนักหน่วงขึ้นหลังจากได้เห็นตัวเลขเศรษฐกิจขององค์กร ในส่วนของพนักงานก็เช่นกันหลังจากได้ถูกองค์กรประเมินคุณค่างานในครึ่งปีแรกแล้วก็ต้องหันมาปรับกลยุทธ์กันยกใหญ่เช่นกัน เพื่อให้ตัวเลขขององค์กรในครึ่งปีหลังมียอดตัวเลขกระเตื้องขึ้น โดยการงัดกลยุทธ์ในการพัฒนางานและพัฒนาคนในด้านต่าง ๆ ออกมา เพื่อหวังว่าสิ่งที่ได้ลงทุนทำลงไปจะมีผลตอบกลับมาอย่างดีด้วย

 หลายปีที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปบรรยายและเป็นที่ปรึกษาตามองค์กรต่าง ๆ ทำให้เห็นแง่มุมบางมุมขององค์กรและคนในองค์กรหลายมิติ ในบางครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมความเปลี่ยนแปลง คือ “การไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง” ซึ่งจะมีมาในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น

–          องค์กรประเมินผลการทำงานของพนักงานออกมา แต่พนักงานบางส่วนไม่ยอมรับกับผลการประเมินนั้น ทั้ง ๆ ที่องค์กรก็ประเมินจากผลงานของตัวเองแท้ ๆ

–          เวลามีงานใหม่ ๆ หรือองค์กรต้องการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานให้ทันสมัยมากขึ้นเพื่อที่จะสอดรับกับเป้าหมายขององค์กร พนักงานกลับบอกว่าสิ่งที่ทำอยู่ก็ดีอยู่แล้วจะเปลี่ยนแปลงให้ยุ่งยากทำไม

–          เวลาองค์กรอยากจะพัฒนาพนักงานหรือวางกลยุทธ์เรื่องคนเพื่อพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น พนักงานกลับไม่เห็นความสำคัญของการฝึกอบรมและการพัฒนาตนเอง เพราะมัวแต่คิดว่าที่องค์กรทำทุกวันนี้ก็เพื่อองค์กรเอง ไม่ใช่เพื่อตัวเองหรือเพื่อพนักงานหรอก

ในบางทีตัวพนักงานเองอาจจะต้องหันมาทบทวนตัวเองหรือพูดคุยกับตัวเองกันบ้างนะครับว่าทุกวันนี้ที่เรามีอยู่ มีกิน มีอาชีพการงานมั่นคง มีสวัสดิการดี ๆ เพราะอะไรกัน?

  1. ตอนที่คุณเข้ามาทำงานในตอนแรกเริ่ม คุณมีอะไรติดตัวมาบ้าง คิดดูดี ๆ นะครับว่า ความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในงานมันมีเพิ่มขึ้นมาได้เพราะอะไร อย่าบอกนะครับว่าคุณเรียนรู้เอง เก่งมาเอง ไม่ได้มีใครสอนงานคุณในที่แห่งนี้ เพราะสิ่งที่ทำให้คุณเป็นคุณมาได้ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากองค์กรส่งเสริมให้คุณได้มีความรู้ในการทำมาหากินทั้งสิ้น
  2. เวลามีงานหนัก งานใหม่ งานเกินเวลาเข้ามา อย่าเพิ่งคิดว่าองค์กรกำลังเอาเปรียบคุณนะครับ ถ้าเราลองคิดกันดูดี ๆ แล้ว เขาไม่ได้ให้คุณทำฟรี ๆ เพราะในบางครั้งเขาก็ให้ผลตอบแทนคุณ และที่สำคัญตัวคุณก็กำลังทำสิ่งเหล่านั้นเพื่อหล่อเลี้ยงตนเองและคนในครอบครัวมิใช่หรือ
  3. เวลาถูกประเมินผลงาน ตัวคุณไม่ยอมรับผลการประเมินนั้น ถ้าอย่างนั้นต้องถามตัวเองว่า ถ้าตัวคุณประเมินค่างานของตัวคุณเอง คิดว่าผลงานที่คุณสมควรได้รับคืออย่างไร ทุกวันนี้คุณคิดว่าตัวคุณทำงานมีมูลค่าเท่าไหร่ เงินเดือนที่ได้รับสมเหตุสมผลไหม ถ้าตัวคุณบอกว่ามันไม่สมเหตุสมผล มันน้อยเกินไป ก็ขอให้คุณลองมองย้อนกลับไปในวันที่คุณก้าวเข้ามา เพราะคุณต้องรู้อยู่ก่อนแล้วว่าคุณจะได้รับผลตอบแทนเท่าไหร่ ดังนั้นมันไม่ใช่เหตุผลเลย เพราะตัวคุณเป็นคนยอมรับมันเอง

นั่นเป็นเพียงแค่บางส่วนนะครับ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องน่าวิตกกังวลเลย เพราะมันจะทำให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในการทำงานมากขึ้น อย่าลืมนะครับว่า ชีวิตคุณในทุกวันนี้ที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะอยู่ดีมีสุข ทุกข์ระทม หรือหน้าชื่นอกตรม นั้นเกิดจากผลการกระทำในอดีตของตัวคุณเองทั้งสิ้น

องค์กรไม่เคยเดินถอยหลัง มีแต่เดินหน้ามากขึ้นในทุก ๆ ปี ยิ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ โลกธุรกิจจะเดินหน้าเข้าสู่ยุคมิลเลนเนียมแล้ว การเปลี่ยนแปลงจะไม่ใช่แบบค่อยเป็นค่อยไป มันจะเป็นการเปลี่ยนแบบก้าวกระโดด ถ้าเรายังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ตั้งรับพร้อมความเปลี่ยนแปลง คุณคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวคุณ     

อย่าลืมนะครับว่า “เรามาถึงจุด…จุดนี้ได้อย่างไร” ผมคิดว่าตัวคุณนั้นรู้อยู่แก่ใจครับ …

ครูอ๊อฟ วิทยากรนอกกรอบ

mktevent
No Comments

Post a Comment