Top

Smart Partner

Smart Partner

HubVisor

สร้างกลยุทธ์การตลาดดิจิตอลที่ลูกค้าต้องทึ่ง

 

ทุกวันนี้ไม่ว่าแบรนด์ไหน ๆ ก็ให้ความสำคัญกับการตลาดออนไลน์ เพราะใครไม่มีตัวตนอยู่ในโลกออนไลน์ก็แทบจะเรียกได้ว่าอยู่นอกสายตาผู้บริโภคได้เลย

            ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยและตั้งคำถามว่าทำไมนักการตลาดออนไลน์เก่ง ๆ จึงเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาด

‘อ๋อง-จักรพันธ์ ศรีจันทร์ทัพ’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮับไวเซอร์ จำกัด คือหนึ่งใน Digital Marketer มือเก๋าที่ได้รับการยอมรับในความเก่งกาจ

เขาผ่านประสบการณ์เป็นเซลล์ ไดเร็คเตอร์ ทำงานให้กับออนไลน์เอเจนซีตั้งแต่ยุคแรก ๆ ที่สื่อออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดียเริ่มตั้งไข่ เรียกได้ว่าเติบโตมาพร้อม ๆ กับทุกซีนการเจริญเติบโตของตลาดออนไลน์ในไทย

หลังจากตัดสินใจร่วมกับหุ้นส่วนเปิดฮับไวเซอร์ด้วยจำนวนคนทำงานเพียง 3 คน พิสูจน์ฝีมือในการทำดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง, วางกลยุทธ์, เป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์, ทำโซเชียลมีเดียมาร์เก็ตติ้ง และเป็นโรงงานผลิตคอนเทนต์สัปดาห์ละร้อยกว่าคอนเทนต์

เพียงไม่ถึงปีก็มีพนักงานเพิ่มเป็น 24 คน ยืนยันให้เห็นว่าดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง หรือโซเชียลมีเดียเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง

 

หาความจริงบนโลกออนไลน์

 ท่ามกลางกระแสที่ทุกคนกระหน่ำทำโซเชียลมีเดียมาร์เก็ตติ้ง ทั้งวางกลยุทธ์ ซื้อพื้นที่โฆษณา ทำคอนเทนต์

คุณอ๋องตั้งคำถามให้ต้องฉุกคิดว่า “แบรนด์ต่าง ๆ เคยฟังไหมว่าผู้บริโภคในโลกออนไลน์พูดอะไรถึงแบรนด์ตนเองบ้าง?”

ฮับไวเซอร์มีเครื่องมือสำหรับรับฟังเสียงของสังคม (Social Listening) ว่าคนพูดถึงผลิตภัณฑ์ แบรนด์ หรือบุคคลได้แบบเรียลไทม์ เก็บข้อมูลการถูกพูดถึงในเชิงบวก และเชิงลบ พูดที่ไหน เวลาเท่าไร และช่องทางใด

“การทำมาร์เก็ตติ้งเซอร์เวย์ไม่สามารถเอาความจริงได้  เพราะความจริงของคนในยุคนี้สามารถดึงจากโซเชียลมีเดียของเขาได้ นั่นคือสิ่งหนึ่งที่เราพยายามทำให้กับลูกค้า เรื่องของ Social Listening ในต่างประเทศพูดกันมา 4 ปีแล้ว แต่ประเทศไทยเพิ่งเข้ามาปีนี้ ซึ่งแบรนด์หลาย ๆ แบรนด์ยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญ จนวันที่เราเอารายงานที่ได้จากเครื่องมือนี้ไปให้เขาดู

เราวิเคราะห์จากข้อมูลว่าคนชอบ หรือไม่ชอบแบรนด์คุณเพราะอะไร ทีมงานของเราจะไปหาว่าในช่วงเวลานั้น วันนั้น เกิดอะไรขึ้นกับแบรนด์ แบรนด์ทำอะไรอยู่ ให้เขาได้รู้ว่าการทำแบบนี้ทำให้เกิดผลตามมาแบบนี้ในโลกออนไลน์ แล้วคนที่พูดถึงคุณ เขาเป็นกลุ่มเป้าหมายของคุณหรือเปล่า ถ้าเขาไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย ทำไมเขามาพูดถึงแบรนด์คุณตรงนี้ หมายความว่าคนพวกนี้กำลังจะเป็นลูกค้าคนใหม่ของคุณหรือเปล่า”

ซึ่งหลังจากการวิเคราะห์ ฮับไวเซอร์จะแนะนำว่าควรตอบสนองกระแสในโลกออนไลน์นั้นอย่างไร

ในโลกของการตลาดออนไลน์ มีคำหนึ่งที่ค่อนข้างมาแรงในวงการโซเชียลมีเดีย คือคำว่า Reacvertising คือการที่แบรนด์ขยับตัวตามกระแสที่เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์

“สมมติวิกฤตกำลังเกิดขึ้นกับห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แล้วเครื่องมือของเราตรวจจับได้ว่าสังคมออนไลน์กำลังพูดถึงเรื่องนี้อยู่ เราจะโทรหาแบรนด์ทันทีว่าตอนนี้ โลกออนไลน์กำลังกระหน่ำคุณอยู่ เราคิดโซลูชั่นไว้แล้วว่าคุณต้องแก้ปัญหาอย่างนี้ สิ่งที่แบรนด์ต้องพูดออกไปต้องเป็นแบบนี้ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ บางแบรนด์ในประเทศไทยนิ่งเฉย คิดว่าเดี๋ยวคนก็ลืม แต่มันไม่ใช่ เพราะบางแบรนด์ถูกโซเชียลมีเดียฆ่าตาย เพราะไม่ทำ Reacvertising

กระบวนการของ Reacvertising ความสำคัญของมันคือเร็ว และเข้าใจ ซึ่งต้องตามมาด้วยภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่เราต้องรักษาไว้ ทางเราจะสื่อสารกับลูกค้าตลอดเวลา ถ้าลูกค้าติดต่อไม่ได้ เราจะเอาขึ้นทันที เพราะเราถือว่าเป็นผลบวกของแบรนด์ ทำกระแสลบให้เป็นบวกโดยที่ความรับผิดชอบอยู่ที่ผมเอง ถ้าลูกค้าไม่แฮปปี้เราสามารถดึงลงได้ทันที”

 

 

 Digital Marketing = Money Game

“การทำโซเชียลมีเดียมาร์เก็ตติ้งมันราคาถูก แต่ไม่เคยฟรี เมื่อ 2 ปีก่อนนักการตลาดแม้แต่ผมเองมองว่าโซเชียลมีเดียกำลังจะฆ่าสื่อดั้งเดิม เพราะว่ามันฟรี แต่หารู้ไม่ว่าคุณต้องลงทุนด้านพลัง มากกว่านั้นตอนนี้ยังต้องลงทุนเงินด้วย เพราะ Facebook, Instagram, Youtube เขาก็ต้องอยู่รอด เขาต้องหาเงิน สังเกตว่าทุก ๆ เจ้าเริ่มปล่อยโฆษณา เราก็ต้องใช้เงินในการกระตุ้นให้โฆษณาขึ้นหน้าเพจ มันก็กลายเป็นกลยุทธ์การใช้เงิน”

ด้วยประสบการณ์ คุณอ๋อง และทีมงานจึงรู้ว่าต้องทุ่มหรือใช้งินเท่าไร ในโซเชียลมีเดียไหนเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ ทั้งวิธีคำนวณว่าต้องใช้เงินเท่าไรจึงจะได้ยอดไลค์ตามที่ลูกค้าต้องการ ต้องใช้เงินเท่าไรจึงจะทำให้ลูกค้าเกิดความผูกพันกับแบรนด์ (Brand Engagement)

“เราเรียกเป็น Money Game เอางบประมาณที่ลูกค้าให้มาแบ่ง มาโยกให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด อะไรที่เป็นคีย์ไอเดีย หรือเป็นคีย์คอนเทนต์ เราจัดการดูแลให้ลูกค้าว่า ช่วงระยะเวลานี้เราจะใช้เงินเท่านี้ เรามี Creative & Content Calendar เป็นตัววางว่าในหนึ่งเดือนลูกค้าเจ้านี้จะมีคอนเทนต์อะไรเกิดขึ้น ครีเอทีฟจะเข้ามาดูว่าในช่วงที่มีคอนเทนต์เกิดขึ้นจะต้องใช้เงินเท่าไร แล้วจะดึงอะไรเข้ามาโยกตรงไหนอย่างไร บางแบรนด์ Facebook ไม่จำเป็นเลย บางแบรนด์ทั้ง Youtube และ Facebook ไม่จำเป็น แค่ Instagram อย่างเดียวก็เอาอยู่ หรือบางแบรนด์แทบไม่ต้องทำอะไรเลยกับโซเชียลมีเดีย เราแค่ดูว่าจะใช้ Influencer คนไหนที่เหมาะกับแบรนด์ แค่นี้ก็ได้

“เมื่อก่อนหลาย ๆ แบรนด์ให้ Influencer พูดอาทิตย์นี้ เดือนหน้าพูดอีกที เดือนต่อไปพูดอีกที นั่นคือเทรนด์เก่า แต่เทรนด์ใหม่ให้ Influencer ทั้งหมดพูดถึงผลิตภัณฑ์เรื่องนี้พร้อมกันในวันเดียว มันคือการสร้าง Exposure ของคอนเทนต์ และของสินค้า ลองนึกภาพดาราพูดเรื่องเดียวกัน พร้อมกัน 40 คน ทุกคนจะตกใจ มันจะเกิดไวรัลที่แข็งแรง”

MKTEvent#17-EBook-22

“ทุกครั้งที่เราเข้าไปหาลูกค้า เราต้องไม่คิดว่าเราจะไปเอาเงินลูกค้า แต่ต้องคิดว่าเราเป็นผู้ให้ ให้ในสิ่งที่คุ้มค่าแล้วเขาต้องการ แล้วก็แน่ใจว่าเรารู้จริง ๆ ว่าลูกค้าต้องการอะไร วงการดิจิตอลมีเดียคู่แข่งมหาศาล ทุกคนมีเครื่องมือเหมือน ๆ กัน แต่มันวัดกันที่หัวคิดสร้างสรรค์ และวัดกันที่ใจ ผมมั่นใจว่า เรื่องใจเราพร้อม เราเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร แล้วเราต้องตอบสนองให้ตรงจุด”

“เมื่อก่อนตอนทำงานกับชาวต่างชาติ ชาวต่างชาติมักจะทำให้ลูกค้าร้องว้าว! แต่ผมคิดว่าแค่ว้าวยังไม่พอ ต้องทำให้ลูกค้าทึ่ง และประหลาดใจให้ได้ (Amaze)”

นอกจากสร้างความประหลาดใจในครีเอทีฟไอเดียที่สร้างโดยฮับไวเซอร์แล้ว เขายังทิ้งท้ายถึงการทำงานในองค์กรว่ายังดีใจ และตื่นเต้นทุกครั้งหากน้อง ๆ ในทีมไปพรีเซนต์งานแล้วลูกค้าเขาประทับใจ ทึ่งในความคิด และระบบการทำงานของพวกเขา และจะยิ่งดีใจมากขึ้นไปหากไอเดียนั้นทำให้ตัวเขาทึ่งได้

“ผมบอกเด็ก ๆ เสมอว่าถ้าทำให้พี่ประหลาดใจได้ ก็ทำให้ลูกค้าประหลาดใจได้เช่นกัน เพราะผมจะมองในมุมของลูกค้าเสมอ” เขาย้ำอีกครั้งในประโยคทิ้งท้ายก่อนจบการสนทนาด้วยรอยยิ้ม และดวงตาที่มุ่งมั่น

ล้อมกรอบSmart

Text: 2R1d W.

Photo: Wiriya L.

mktevent
No Comments

Post a Comment