Top

5% that matter : ไม่อยากเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน (แปลง)

5% that matter : ไม่อยากเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน (แปลง)

Text : ครูอ๊อฟ วิทยากรนอกกรอบ

 

โลกทุกวันนี้กำลังหมุนเร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อน สังเกตได้จากการเรียนรู้และการเติบโตทางด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา การตลาด หรือแม้แต่ความเชื่อต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงชนิดที่เรียกว่าหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว

ในทางองค์กรธุรกิจที่ผมเข้าไปเป็นที่ปรึกษาหลาย ๆ แห่งก็กำลังเริ่มขยับ หรือบางที่ก็เริ่มเปลี่ยนไปบ้างแล้ว และแน่นอนองค์กรใหญ่ ๆ ก็เช่นกัน ก้าวเดินปรับขบวนทัพกันไปล่วงหน้าไปก่อน 2 – 3 ปีแล้ว

คำถามคือ มันเกิดอะไรขึ้นกับองค์กรเหล่านี้?

คำตอบง่าย ๆ คือ การแข่งขันวิ่งกันมาจนเรียกว่าสุดทางแล้วในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะมีการออกแบบกลยุทธ์อะไร หรือการคิดขั้นตอนกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้เอื้อต่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ได้ทำกันมาหมดทุกทางแล้ว

หากลองแบ่งกันดูจริง ๆ ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ นั้นมีขั้นตอนง่าย ๆ อยู่ 2 แบบ คือ

 

1.เปลี่ยนแปลงก่อนมีอะไรมากระทบ 

การเปลี่ยนแปลงแบบนี้มักจะเกิดกับองค์กรใหญ่ ๆ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของประเทศ องค์กรเหล่านี้มักจะไม่รอเวลาให้เกิดผลกระทบแบบมีวิกฤต แต่จะใช้เวลาในการเตรียมพร้อมเรื่องคน วางแผนกลยุทธ์ และวิธีการในการขับเคลื่อนองค์กรและคนล่วงหน้า

 

2.รอให้เกิดผลกระทบแล้วค่อยเปลี่ยนแปลง 

องค์กรลักษณะนี้มักมีโครงสร้างแบบ SME หรือเถ้าแก่ ไม่ค่อยวางแผนกลยุทธ์ หรืออาจจะมีการวางแผนเป็นนามธรรมไว้แต่ไม่นำมาปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม พอถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนแปลง บุคลากรมักปรับตัวกันไม่ทัน หากองค์กรอยู่รอดได้ ก็อยู่รอดแบบจวนเจียน

แต่ไม่ว่าจะองค์กรใหญ่หรือองค์กรเล็ก ทุกองค์กรต่างก็ต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อปรับตัวและหาที่ยืนในโลกธุรกิจกันต่อไป ซึ่งผมจะขอแนะนำวิธีคิดที่จะนำพาองค์กรให้ขับเคลื่อนเดินทางต่อไปได้ด้วยกลยุทธ์ 5% that matter

 

5% that matter คืออะไร?

อธิบายด้วยแนวคิดง่าย ๆ คือ ในทุก 95%

  • อะไรที่เราทำ
  • อะไรที่เราขาย
  • อะไรที่เรามี
  • อะไรที่เราสร้าง

อะไรที่เราคิดในทุก ๆ เรื่องดังกล่าวที่เกี่ยวข้องกับองค์กรหรือตัวของเราเอง 95% มันมีอยู่เหมือน ๆ กัน องค์กรอื่นก็มี คู่แข่งก็มี ใคร ๆ ก็มี ดู ๆ แล้วเขากับเราไม่ได้มีความแตกต่าง แล้วอะไรล่ะที่จะดึงดูดให้ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายเลือกเราหรือองค์กรของเรา สิ่งที่จะทำให้เราต่าง สิ่งที่โดดเด่นกว่า มีความพิเศษกว่า มีคุณค่ามากกว่า นั่นคือ 5% that matter ขององค์กรเราดังนั้นในยุคปัจจุบัน การที่องค์กรจะอยู่รอดปลอดภัยจากภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำได้นั้น จะต้องปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดี อย่าให้ต่ำกว่ามาตรฐานที่เป็นอยู่ และเร่งพัฒนาตนเองเพื่อค้นหา 5% that matter ให้เจออย่างเร็ว เพราะถ้าคุณไม่รีบหาให้เจอ คุณจะถูกคู่แข่งแย่งเอา 5% that matter ของคุณไป พอถึงตอนนั้นแทนที่คุณจะเป็นผู้นำและเดินไปข้างหน้า คุณก็จะกลายเป็นแค่ผู้ที่เดินตาม คุณและองค์กรของคุณก็จะต้องเหนื่อยไปอีกนาน และที่สำคัญองค์กรเองก็ต้องช่วยพนักงานค้นหา 5% that matter ในตัวของพนักงานให้เจอด้วยนะครับ

 

มาถึงตรงนี้ คิดออกหรือยังครับว่า อะไรคือ 5% that matter ของคณ

mkteventmag
No Comments

Post a Comment