Top

The Next Chapter of TCDC

The Next Chapter of TCDC

Text: Boonake A.

Photo: Wiriya L.

 

อภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล

The Next Chapter of TCDC

เป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้วที่ ศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ หรือ ‘TCDC’ ได้ทำหน้าที่สร้างสรรค์องค์ความรู้ด้านการออกแบบ รวมถึงการจัดกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ ทั้งนิทรรศการหมุนเวียนและการสัมมนาระดับประเทศเพื่อยกระดับภูมิปัญญาด้านความคิดสร้างสรรค์ทุกรูปแบบ จนน่าจะเรียกได้ว่าเป็นเสาหลักในการสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นอย่างเข้มแข็งในประเทศไทย

จวบจนเข้าสู่ปีที่ 11 การเปลี่ยนครั้งสำคัญก็เกิดขึ้นกับ TCDC นั่นคือการย้ายสำนักงานไปสู่อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก บ้านหลังใหม่อันขรึมขลังเต็มเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ในย่านเจริญกรุง

“การเคลื่อนตัวสู่สิ่งใหม่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับ TCDC ในแง่ใดบ้าง” เชื่อว่าเป็นคำถามสำคัญที่สังคมอยากรู้ MKT Event เองก็อยากรู้เช่นกัน เราจึงถือโอกาสไปนั่งพูดคุยกับ ‘อภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล’ ผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ ที่จะมาเจาะลึกรายละเอียดเหล่านี้ให้คุณฟัง

เชื่อว่าบทสัมภาษณ์นี้น่าจะทำให้คุณเห็นภาพชัดเจนในเรื่องราวบทใหม่ที่จะเกิดขึ้นกับองค์กรแห่งนี้ รวมถึงภาพรวมของวงการการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ของไทยได้อย่างชัดเจน

 

MKT Event : การย้ายไปสู่ย่านเจริญกรุงในครั้งนี้ของ TCDC มีนัยยะสำคัญอย่างไร

อภิสิทธิ์ : ตลอดระยะเวลา 10 ปี การบริการทั้งหลายของ TCDC มีการเปลี่ยนแปลงมาตลอดเวลา แต่ครั้งนี้ถือเป็นก้าวใหญ่ที่จะต้องขยับขยายไปอีกจุดหนึ่ง ซึ่งการย้ายไปครั้งนี้ผมคิดว่ามันมีความหมายมากกว่าแค่การย้ายออฟฟิศ หรือบริการต่าง ๆ ไปเจริญกรุงอย่างเดียว แต่การไปนี้เรามีความตั้งใจอย่างยิ่งใหญ่ที่จะทำให้เขตแถวเจริญกรุงทางด้านถนนเจริญกรุงและฝั่งคลองสานเจริญนครกลับมามีชีวิตขึ้นมาใหม่ในแง่ของความเป็น ‘Creative District’

 

MKT Event : คุณพบเห็นความจริงอะไรในย่านเจริญกรุงที่เหมาะสมในการเป็น Creative District บ้าง

อภิสิทธิ์ : มันมีอะไรที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่นั้นเยอะมาก ทางกายภาพเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่รวมคนและสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ไว้อย่างหลากหลาย มีทั้งโบสถ์คริสต์ มัสยิด และวัดไทย ซึ่งคนทั้ง 3 กลุ่มก็อยู่ในเขตแถวนั้นด้วย นอกจากนี้ก็คือกลุ่มคนที่อยู่ในธุรกิจอุตสาหกรรมเดิมส่วนใหญ่เป็นผู้ค้าจิวเวลรี่ และร้านที่เป็นแกลอรี่อยู่ประมาณ 6-7 แห่ง รวมถึงคนที่ทำกิจกรรมเพื่อสังคมเขาก็ยังจัดกิจกรรมอยู่

 

MKT Event : โดยสรุปมันคือความหลากหลายทางกลุ่มชนที่รวมกันอยู่ในพื้นที่นั้น

อภิสิทธิ์ : ใช่ครับ ซึ่งความหลากหลายตรงนี้คือคอนเทนต์เชิงสร้างสรรค์ที่ดีนะ ที่เราสามารถใช้อธิบายกับคนในโลกสมัยใหม่ อีกทั้งยังตอบโจทย์การเคลื่อนที่ของเทรนด์ทางวัฒนธรรมของโลกที่เน้นให้มีการใช้สมบัติเดิม, วัฒนธรรมเดิม, อาคารเดิม มาปรับเปลี่ยนประยุกต์ใช้กับคอนเทนต์ใหม่และบริการสมัยใหม่ นี่คือต้นทุนที่ย่านเจริญกรุงมี

 

MKT Event  : เรียกว่าการไปถึงของ TCDC จะช่วยจุดกระแสของเทรนด์ที่ว่านี้ใช่ไห

อภิสิทธิ์ : ก็อาจจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้สิ่งสร้างสรรค์เหล่านี้เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น เพราะเท่าที่ทราบตอนนี้ก็เริ่มจะมีธุรกิจอื่น ๆ พยายามเปิดตามมาแล้ว ตอนนี้เห็นบอกว่าฝั่งตรงข้ามจะมีโรงแรมเล็ก ๆ เกิดขึ้น เลยไปหน่อยแต่เดิมเป็นโกดังสินค้า ตอนนี้ปรับมาเป็นย่านสำหรับคนที่ทำงานสร้างสรรค์ ประมาณ 10 กว่าเจ้า ก็ดูน่าจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจกับกระแสที่เกิดขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการจะทำให้เขตอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เกิดขึ้นได้จริง ก็คือความร่วมมือจากคนในพื้นที่ ดังนั้นแผนที่เราวางไว้คือการเข้าไปทำงานร่วมกับคนรอบพื้นที่ซีกแถวเจริญกรุงตรงนั้นก่อนเป็นอันดับแรก เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่ TCDC จะไปอยู่โดดเดี่ยวโดยที่ไม่มีการสนับสนุนจากคนในพื้นที่

EI 24 2

MKT Event  : คุณใช้เนื้อหาอะไรสื่อสารเพื่อเรียกร้องความร่วมมือจากคนพื้นถิ่น

อภิสิทธิ์ : เราอธิบายว่าเราจะมาอยู่ที่นี่ เราจะมาช่วยกันทำพื้นที่แถวนี้ ทำให้มันน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เอาง่าย ๆ ว่าเราจัดกิจกรรมแล้วให้เขามาขายของได้ในงานกิจกรรมของเรา เขาก็มีรายได้เพิ่มขึ้น ฉะนั้นการที่เราไปอยู่มันเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน หรือการที่เราคุยกับเขาว่าเราจะทำทัวร์ในพื้นที่ได้ไหม โดยให้คนในพื้นที่เป็นคนนำทัวร์เอง จะได้เห็นแง่มุมต่าง ๆ ที่เป็นจริง ก็เป็นเรื่องน่าสนใจที่เราจะอยากส่งเสริม

 

MKT Event  : ในส่วนของกิจกรรมที่ TCDC ได้ริเริ่มลองทำในพื้นที่เจริญกรุงมีอะไรบ้าง

อภิสิทธิ์ : ที่ผ่านมาเราจัดร่วมกับกลุ่ม Friend of River และเอกชน เข้ามาร่วมมือกันทำโปรเจกต์หนึ่งคือเรื่อง ‘แสงสว่าง’ จริง ๆ เป็นงานแสงสว่าง เกี่ยวกับเรื่องหลอดไฟ ลองทำจริงลองติดตั้งอย่างจริง ๆ เลย จะได้รู้ว่าถ้าเผื่อมีแสงสว่างแล้วมันจะเปลี่ยนภาพชุมชนไปอย่างไร นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นข้อดีของงานดีไซน์อย่างหนึ่ง ให้ประโยชน์จากการออกแบบไปเติมเต็ม ไปพัฒนาคุณภาพชีวิตคนที่อยู่ในสังคม รวมถึงจัดงานร่วมกับกลุ่มที่เรียกว่าบุกรุก เมื่อปีที่แล้วทำเพนท์ติ้ง กราฟิตี้รอบพื้นที่ ปลุกให้มันคึกคักมากยิ่งขึ้น

แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่เราต้องไปทำร่วมกับคนตรงนั้น อย่างในถนนเจริญกรุงมันมีตึกแถวทิ้งว่างอยู่เยอะพอสมควร เราก็เป็นตัวกลางในการคุยกับเจ้าของพื้นที่ คุยกับสำนักทรัพย์สิน คุยกับเอกชน ว่ามันสามารถเปลี่ยนพื้นที่ที่มันไม่มีคนเช่าให้มีคนเช่าในราคาพอสมควรได้ไหม เพื่อให้ศิลปินสามารถเข้ามาทำกิจกรรมได้ หรือเปลี่ยนพื้นที่ให้มันเป็นพื้นที่ที่สังคมสามารถร่วมทำงานได้ เช่น คนในชุมชนออกมาทำกิจกรรมอยู่ในพื้นที่ที่ว่านี้ ก็จะทำให้การอยู่แบบเกื้อหนุนซึ่งกันและกันอย่างเหมาะสมเกิดขึ้นได้มากขึ้น

 

MKT Event  : แล้วส่วนของนิทรรศการหมุนเวียนมีอะไรเพิ่มเติมจากเดิมหรือไม่

อภิสิทธิ์ : มีแน่นอนครับ เมื่อก่อนนิทรรศการทั้งหมดมีทั้งเราทำ และไปร่วมมือกับคนอื่น มาถึงตอนนี้มันต้องเปลี่ยนไป เมื่อเราต้องเข้าใกล้ชิดชุมชนมากขึ้น ก็เลยคิดว่าอยากจะเปิดพื้นที่ให้คนทั่วไปได้เข้ามาสร้างสรรค์เรื่องราวของตัวเขาเองได้ เราจะมีพื้นที่ให้ทำนิทรรศการโชว์ได้ กลุ่มไหนอยากทำอะไรก็มาคุยกัน

 

MKT Event  : มันเป็นการเปิดพื้นที่เพื่อการเล่าเรื่องราวของชุมชนบนมิติที่แตกต่างออกไป

อภิสิทธิ์ : จะว่าแบบนั้นก็ได้ เพราะอย่างที่บอกว่าในพื้นที่ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจที่คนส่วนใหญ่อาจไม่เคยรู้ แต่ถึงอย่างนั้นเราคงไม่ได้จำกัดเฉพาะคนในพื้นที่เพียงอย่างเดียว เพราะเรายังเปิดโอกาสให้คนที่อยู่ต่างพื้นที่หรือต่างประเทศสามารถเข้าร่วมได้ ความคิดสร้างสรรค์มันอยู่ในตัวบุคคล ถ้าเราสามารถโน้มน้าวชักจูงเขามาร่วมอยู่ในพื้นที่เจริญกรุงได้ เราก็ยินดีทำ ยิ่งทำให้เกิดความหลากหลายทางด้านความคิดมากขึ้น มันเป็นผลดีกับนิเวศวิทยาทางความสร้างสรรค์ของประเทศไทย

 

MKT Event  : ส่วนรายละเอียดภายในของ New TCDC มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้าง

อภิสิทธิ์ : เราก็ยกบริการเก่าไปนี่แหละ เช่น เรามีห้องสมุด เรามีส่วนราชการ เรามีห้องสัมมนา ก็ยังคงมีอยู่ ในส่วนของงานแสดงนิทรรศการก็ปรับปรุงเนื้อหาให้กระชับมากขึ้นเท่านั้น

 

MKT Event  : ในขณะที่พื้นที่ใหญ่ขึ้น ทำไมเนื้อหาคอนเทนต์ถึงต้องปรับให้กระชับ

อภิสิทธิ์ : ผมคิดว่าในโลกปัจจุบันสภาพแวดล้อมมันเปลี่ยนไป คนสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้อื่น ๆ ทางอินเทอร์เน็ต หรือทางดิจิทัลได้โดยง่ายดายแล้ว เราจึงไม่จำเป็นต้องสร้างห้องสมุดขนาดใหญ่มาก แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ศูนย์นี้ต้องทำคือสร้างศักยภาพทางความคิด สร้างคอมมูนิตี้ให้คนที่อยู่ในอาชีพออกแบบหรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ได้มาเจอกัน มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แล้วก็ไปทำงานร่วมกัน ก็จะทำให้ได้สินค้า บริการ วิธีคิดเชิงธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้น ตรงนี้สำคัญกว่า

แต่แค่พูดคุยผมว่ายังไม่พอในความคิดของเรา  TCDC ก็เลยต้องมีพื้นที่ Co-working Space ให้เขาได้ทดลองทำงานร่วมกัน พอได้ออกมาเป็นไอเดีย เราจะมีแล็บทดลองให้ทำกันอย่างจริงจัง ที่คุณสามารถทดลองทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง จนสามารถต่อยอดไปสู่การสร้างสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์กับความต้องการในสังคมต่อไป

 

MKT Event  : ทาง TCDC ได้มีการวางแผนการสร้าง Business Model เพื่อผู้ประกอบการไว้หรือไม่

อภิสิทธิ์ : Business Model เป็นเรื่องสำคัญในการทำธุรกิจยุคนี้ เพราะสิ่งที่จะทำให้สินค้าขายได้จริงจนสามารถสร้างเป็นธุรกิจได้ต้องพึ่งพิงกระบวนการนี้ ดังนั้นใน New TCDC ก็จะมีส่วนให้บริการเกี่ยวกับเรื่อง Business Consult เกิดขึ้นด้วย ซึ่งเราเองก็จะเป็นตัวกลางในการเชื่อมประสานคนจากหลากหลายสาขาเข้าด้วยกัน เพื่อดึงเอากลุ่มที่เป็น Maker และนักการตลาดทั้งหลายแวะเวียนเข้ามาใช้พื้นที่ มาให้องค์ความรู้ มาร่วมกันทำให้เกิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างจริงจัง มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับคนที่เข้ามาใช้บริการ TCDC ที่เจริญกรุง

 

MKT Event  : ในงานด้านพัฒนาองค์ความรู้ด้านการออกแบบ มีการพัฒนาต่อยอดในแง่ใดบ้าง

อภิสิทธิ์ : ในส่วนของงานด้านการพัฒนาองค์ความรู้ สิ่งที่เรามุ่งหวังอยากทำให้สำเร็จตอนนี้ก็คือ การเชื่อมเครือข่ายความรู้ที่มีอยู่ทั้งที่เชียงใหม่และศูนย์ที่ขอนแก่น รวมถึง Mini TCDC ทั้ง 15 แห่งทั่วประเทศมาสร้างเป็นฐานความรู้ใหม่ในแพลตฟอร์มดิจิทัล ทำให้แหล่งความรู้สามารถกระจายไปได้เร็วและทั่วถึงมากขึ้น เพื่อต่อยอดความรู้ไปยัง Real Sector ที่เป็นผู้ผลิต หรือกลุ่ม StartUp รุ่นใหม่ ให้เขาเอาไปใช้ประโยชน์ในการสร้างนวัตกรรมด้วยความรู้การออกแบบ

 

MKT Event  : คุณจะใช้ช่องทางใดกระจายแพลตฟอร์มความรู้เหล่านี้ไปสู่สังคม

อภิสิทธิ์ : เราคงใช้ผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่เรามี เช่น ใน Free Magazine ที่เราทำอยู่ หรือที่เรามี TCDC Outlook อีบุ๊คที่รายงานสถานการณ์ของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในเมืองไทยและทั่วโลก รวมถึงการจัดกิจกรรมระดับประเทศ เช่น เรามีแผนว่าจะจัด Bangkok Design Week ขึ้นเป็นครั้งแรกในปีหน้า ต่อยอดจากความสำเร็จของ Chiang Mai Design Week ที่เราจัดมาเป็นปีที่ 2 น่าจะยิ่งทำให้เห็นหมุดหมายการเติบโตมากขึ้นของงานไทยดีไซน์ในระดับประเทศ

 

MKT Event  : คุณและ TCDC จะให้ความสำคัญกับโปรเจกต์ใดเป็นพิเศษสำหรับแผนงานในปีหน้า

อภิสิทธิ์ : คิดว่าในปีหน้าเราคงเตรียมเรื่อง Bangkok Design Week ที่จะจัดในพื้นที่เจริญกรุง ก็จะเหมือนกับ Design Week ที่มีอยู่ในทั่วโลก ที่ลอนดอน โตเกียว อิตาลี เราคิดว่าเราจะจัด Bangkok Design Week ในพื้นที่เจริญกรุง ช่วยทำให้หมุนเร็วขึ้นอีก อาจจะรวมเอาฟอรั่ม Creativities Unfold (CU) ที่เราจัดอยู่กับ Bangkok Design Week ผนวกกันไปจัดที่เจริญกรุงเลย เป็นเป้าหมายที่เราต้องทำให้สำเร็จ

 

MKT Event  : ข้อดีของคนไทยในการสร้างสรรค์งานออกแบบคือเรื่องใด

อภิสิทธิ์ : สิ่งที่เราเด่นในอุตสาหกรรมออกแบบก็คือการสร้างสินค้ากลุ่ม Decorative Item สินค้าตกแต่ง หรือถ้าจะพูดให้ชัดก็คือสินค้าที่ใช้เซ้นส์ของความงาม ใช้เซ้นส์ของความดัดจริตหน่อย ๆ ผมว่าเราทำเรื่องบรรยากาศที่มีสุนทรียะค่อนข้างเก่ง และข้อดีอีกอย่างก็คือคนไทยเก่งเรื่องการ Make Over ให้สิ่งธรรมดา ๆ กลายเป็นสิ่งที่ดีมากขึ้นที่ทั่วโลกยอมรับ นั่นเป็นข้อดีของเราที่ใครก็ยากที่จะทำได้นะในความคิดผม

 

MKT Event  : ยกตัวอย่างชัด ๆ ในเรื่องนี้ให้เราฟังหน่อยไหม

อภิสิทธิ์ : อย่างเรื่องอาหาร เรารับวัฒนธรรมตะวันตกมาแล้วเราปรุงอะไรของเราอีกนิดหนึ่ง มันก็ดูสวยงามมีบุคลิกบางอย่างที่ดีขึ้น ยกตัวอย่างชัด ๆ อย่างอาหารจีนมันจืด หน้าตาจานอาหารจีนจะเกลี้ยง ๆ แต่เราก็จะเติมพริก เติมผักชี เติมอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้มันเกลี้ยง ของเขาน้ำมาก เราก็ลดน้ำให้น้อย ทำให้ดูน่ากินมากขึ้น ผมว่าเรามีเซ้นส์ในเรื่อง Make Over และการสร้างสุนทรียะทางบรรยากาศ ดังนั้นเราจึงทำสินค้าในกลุ่ม Decorative Item ได้ค่อนข้างดี เช่น เฟอร์นิเจอร์ตามบ้านของเราค่อนข้างดูดี แต่เฟอร์นิเจอร์ในโรงงาน หรืออะไรที่มันเป็น Mass มาก ๆ เรายังทำได้ไม่ค่อยดี

 

MKT Event  : ทำไมงานในระดับ Mass เราถึงทำได้ไม่ค่อยดี

อภิสิทธิ์ : พูดจริง ๆ ในเรื่องงานออกแบบถ้าเทียบกับประเทศในแถบนี้ เราไม่ได้ด้อยกว่าใคร ทั้งความสามารถ พื้นฐานวัฒนธรรมทางศิลปะ หรือพื้นฐานวิชาการทางด้านการออกแบบที่เรามีการศึกษามาตั้ง 50 ปีแล้ว แต่ข้อเสียของเราก็คือพัฒนาการเราช้า

 

MKT Event  : ที่ช้าเพราะอะไร

อภิสิทธิ์ : ที่ช้าก็เพราะเราไม่มีอุตสาหกรรมเป็นตัวสนับสนุนไงครับ คือต้องบอกก่อนว่าธุรกิจออกแบบไม่สามารถเติบโตไปเดี่ยว ๆ ได้ ถ้าไม่มีเรื่องของอุตสาหกรรมมารองรับสนับสนุน สมมุติเป็นงานด้าน Product Design หรืองาน Industrial Design มันต้องอาศัยอุตสาหกรรมพลาสติก อุตสาหกรรมแม่พิมพ์ อุตสาหกรรมเครื่องจักร เข้ามาเป็นตัวช่วยในการผลิต ซึ่งย้อนมองมาที่อุตสาหกรรมเหล่านี้ในบ้านเรา ต้องยอมรับว่าการซัพพอร์ตยังไม่เพียบพร้อม ต่างกับในไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น ที่เขามีความพร้อมทางด้านนี้มาก หรืออย่างอุตสาหกรรมผ้า กลุ่มที่เป็นผ้าไฮเทคเราก็ไม่มี จะมีก็แต่ผ้าธรรมดา ไม่ค่อยมีการวิจัยพัฒนาผ้าพิเศษเพื่อตอบสนองตลาดแฟชั่นอย่างจริงจังเท่าที่ควร ตรงนี้เป็นโจทย์ที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันทำ หากหวังจะให้งานออกแบบที่เกิดขึ้นจากเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของเราเติบโตขึ้น

 

MKT Event  : ในตอนนี้ที่อุตสาหกรรมรองรับยังไม่พร้อม วิธีการที่ดีที่สุดที่พอจะทำให้งานออกแบบของไทยเติบโตได้ตลาดโลกคืออะไร

อภิสิทธิ์ : คือสภาพแวดล้อมของโลกมันเจริญเร็วมากนะครับ เมื่อเปลี่ยนแปลงเร็ว วิธีคิดในการทำธุรกิจก็ต้องเปลี่ยนไป จุดมุ่งหมายทางธุรกิจก็ต้องเปลี่ยนไป การจะทำสินค้าเพื่อขายคนไทยอย่างเดียวก็คงไม่ได้แล้ว แต่ต้องคิดว่าเราจะทำสินค้าเพื่อขายคนในเอเชีย และคนในโลกนี้ ซึ่งมีดีมานด์ที่ใหญ่กว่า หากเราปรับทัศนคติตรงนี้ได้ ก็น่าจะทำให้ตลาดกว้างมากขึ้น มีโอกาสใหม่ ๆ เกิดขึ้นอีกมายมาย แต่สิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญมากในการผลักดันกระบวนการนี้ให้สามารถเดินไปได้อย่างรวดเร็ว ก็คือเรื่องของการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยในการสร้างสินค้า ถ้าเราพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตได้มาก มันก็จะยิ่งทำให้การขยับไปสู่ตลาดถูกหดสั้นลงได้อย่างมาก นี่เป็นสิ่งที่ผมอยากฝากให้ทุกภาคส่วนได้ขบคิดหาทางออกเพื่ออนาคตของวงการออกแบบไทย

 

mkteventmag
No Comments

Post a Comment