Top

MILLENNIAL

MILLENNIAL

IN THE NAME OF THE FUTURE

หากให้นึกถึงกลุ่มคนที่จะมีอิทธิพลสามารถเปลี่ยนหรือสร้างอะไรได้หลากหลายให้เกิดขึ้นในอนาคต ถามตรง ๆ คุณจะนึกถึงคนกลุ่มไหน?  ถ้านึกไม่ออกตอบไม่ถูกแล้ว เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับคนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับการกำหนดนิยามจากสื่อระดับโลกด้วยคำว่า ‘Millennial’ กันครับ

แม้ว่าในความเป็นจริง ถ้าจะพูดกันให้ถึงที่สุด เรื่องของคนในกลุ่ม Millennial นั้นอาจไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเคยพบเห็น หากคุณเป็นคนที่ติดตามข่าวสารด้านการตลาดของโลก แต่ถ้าเราจะพูดถึงกลุ่มคนที่กำลังจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าอนาคตแทบทุกด้านในปี 2016 และในปีต่อ ๆ ไปอีกไกลแสนไกล ก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงคนกลุ่มนี้เป็นอันดับแรก

เพื่อก้าวให้ล้ำตามเทรนด์ สกู๊ปหลักของเราจึงอยากพาผู้อ่านทุกท่านไปเจาะลึกทุกแง่มุมในชีวิตของคนกลุ่มนี้ รวมถึงโนว์ฮาวต่าง ๆ ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจการตลาด และการสร้างานอีเว้นท์ให้ถูกต้องตรงใจกับพวกเขา ผมเชื่อว่า ‘ยิ่งรู้เขา รู้เรา’ ได้ละเอียดมากเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถมองเห็นความเป็นไปในอนาคตของโลกได้ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น

Cover-Story19-P20-25-1-1024x831@2x

WHO IS MILLENNIAL?

แล้วใครล่ะคือชาวมิลเลนเนียล

คำจำกัดความของชาว Millennial ที่สามารถอธิบายได้อย่างกระชับ รวดเร็ว ให้เข้าใจอย่างง่ายที่สุดก็คือข้อเขียนของ Neil Howe และ William Straus ในหนังสือที่ชื่อ ‘Generations : The History of America’s Future, 1584 to 2069’ ซึ่งได้อธิบายคนกลุ่มนี้ไว้ว่า

“Millennial คือคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ และจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีในห้วงเวลาที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ศตวรรษที่ 21”

ไม่ใช่มีเพียงคำอธิบายข้างต้นเท่านั้น สื่อชั้นนำระดับโลกหลายสำนักยังออกมาให้ความเห็นจัดกลุ่มช่วงอายุกันไว้อย่างหลากหลายเช่นนิตยสาร News Week ที่บอกว่าคนกลุ่มนี้น่าจะเกิดในช่วงปี 1977 ถึง 1994 ในขณะที่หนังสือพิมพ์ New York Time บอกว่าน่าจะเกิดในปี 1976-1990 และ 1978-1998 หรือนิตยสาร Time ที่ระบุในบทความชิ้นหนึ่งว่าน่าจะเติบโตขึ้นในช่วงปี 1980-2000

แต่จะอย่างไรก็แล้วแต่จะพูดกันแบบไหนก็ถูกต้องทั้งหมด เพราะล้วนเป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกันทั้งสิ้นแล้วแต่ใครจะนิยาม แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั่นคือการสำรวจนิสัยใจคอของพวกเขา ในประเด็นนี้เว็บไซต์ Whatis.com ได้ให้ภาพกว้างของเรื่องนี้ไว้โดยสรุปว่า

“ด้วยความที่คนกลุ่ม Millennial เกิดมาในแวดล้อมของเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต ทำให้พวกเขาพบเห็นทัศนคติและแนวคิดอันหลากหลายปรากฏขึ้นบนจอแทบจะทุกวัน ทำให้พวกเขาสามารถอดกลั้นที่จะอยู่บนความต่างได้อย่างดี มีทัศนคติเชิงบวกต่ออนาคตที่จะเกิดขึ้นแทบจะทุกเรื่อง ให้ความสำคัญกับเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมภายนอก ทำทุกอย่างที่ตั้งใจ ‘ตามความฝัน’ บุคลิกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความ ‘มั่นใจ’ บางครั้งอาจจะมั่นใจมากไปจนเสี่ยงต่อสภาวะความ ‘หลงตัวเอง’ ได้ และสิ่งที่เขาคาดหวังอาจไม่ใช่ความร่ำรวยเงินทองดังเช่นที่คนรุ่นก่อนหน้าเคยคาดหวังไว้”

นี่คือภาพร่างแรกที่เราอยากให้คุณเข้าใจในพื้นฐานของคนกลุ่มนี้ก่อน เพื่อนำเข้าสู่เนื้อหาต่อไปที่เราจะลงลึกไปอีกเพื่อสะท้อนตัวตนความคิดของ Millennial ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

  • 50 % ของคนกลุ่มนี้คิดว่าตนเองไม่ยึดติดหรือมีความคิดเชื่อมต่อกับเรื่องการเมือง
  • 29% เห็นว่าตนเองมีความอิสระด้านความคิด ความเชื่อ และไม่เคร่งครัดกับเรื่องศาสนา
  • พวกเขามีค่าเฉลี่ยของจำนวนเพื่อนบน Facebook อยู่ที่ประมาณ 250 คน
  • 55% ของกลุ่ม Millennial ชอบโพสต์ภาพเซลฟี่ หรือโพสต์อะไรอีกมากมายบนโซเชียลมีเดีย
  • Millennial คือคนกลุ่มสุดท้ายที่เกิดในศตวรรษที่ 20

Cover-Story19-P20-25-2

THE MILLENNIAL’S ROLE MODEL

Cover-Story19-P20-25-7Mark Zuckerberg

มัลติบิลเลี่ยนแนร์หนุ่มผู้สร้าง Facebook มหาวิหารแห่งดวงใจที่คนกลุ่มนี้ฝากชีวิตตลอด 24 ชั่วโมง และล่าสุดเพิ่งทำตัวหล่อด้วยการบริจาคหุ้นเฟซบุ๊ก 99%  เพื่อปรับปรุงโลกให้น่าอยู่สำหรับคนรุ่นต่อไป

 

Cover-Story19-P20-25-8

Chris Anderson

ชายผู้สร้าง ‘Ted Talk’ ให้กลายเป็นพื้นสนทนาทางความคิดอันหลากหลาย ดึงผู้เชี่ยวชาญระดับท๊อปจากแวดวงวิทยาศาสตร์, การแพทย์, การออกแบบ, แวดวงการสร้างนวัตกรรม และอีกมากมายในหลากหลายสรรพวิชาจากทั่วโลกมาพูดให้ความรู้ที่น่าสนใจกับคนรุ่นใหม่ ในการนำเสนอเพียง 15 นาที

Cover-Story19-P20-25-9

Nathan Williams

นักเขียนผู้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อศึกษาวัฒนธรรมอาหารและนำสิ่งที่ได้มาสร้างขึ้นเป็น ‘Kinfolk’ นิตยสารอาหารและไลฟ์สไตล์ขวัญใจสาวกฮิปสเตอร์ทั่วโลก

Cover-Story19-P20-25-10

Nathan Blecharczyk

: หนึ่งในผู้ก่อตั้งเว็บไซต์จองห้องพักที่โด่งดังที่สุดในโลกอย่าง ‘Airbnb’ โดยนำความคิดแบบเศรษฐกิจแห่งการแบ่งปัน (Sharing Economy) มาผนวกเข้ากับการบริการที่พัก สร้างเป็นธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ทั้งที่ไม่มีอสังหาริมทรัพย์ของตัวเองแม้แต่แปลงเดียว

Cover-Story19-P20-25-3

HOW TO ENGAGE WITH MILLENNIAL :

ทริคดีสร้างอีเว้นท์ให้ตรงใจ MILLENNIAL

อีกพื้นที่หนึ่งที่คนกลุ่ม Millenial กำลังมีอิทธิพลเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็คือบนพื้นที่แวดวงด้านธุรกิจการตลาด เพราะพวกเขาคือคนกลุ่มสำคัญที่นักการตลาดกำลังจับตามองอย่างมากในฐานะกลุ่มเป้าหมายหลักแห่งการใช้จ่ายในยุคนี้

            แล้วก็ไม่ใช่แค่เรื่องการตลาดเท่านั้น อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ได้รับผลดีจากการเติบโตแบบก้าวกระโดดของคนกลุ่มนี้นั่นก็คืออุตสาหกรรมการจัดงานอีเว้นท์รูปแบบต่าง ๆ

เมื่อเป็นอย่างนั้นเราจึงมาดูกันซิว่าจะมีวิธีอย่างไรที่จะสามารถสร้างอีเว้นท์ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ และถูกจริต Millennial ได้แบบตรงจุด ลองมาไล่ดูเป็นข้อ ๆ กัน จับให้มั่น คั้นให้แห้ง เหลือไว้เป็นทริคดี ๆ ที่หากทำได้ตามนี้ เชื่อเถอะว่าเขาไม่สามารถหนีไปไหนได้แน่นอน

  1. จัดการโครงสร้างให้เป็นมิตรโยงใยกับการใช้สมาร์ทโฟน

การสร้างเว็บไซต์ที่ดีและเป็นมิตร สามารถเชื่อมต่อกับการใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างง่ายดาย คือทริคแรกที่จะสามารถดึงดูดใจให้ชาว Millennial เดินเข้าในงานอีเว้นท์ที่คุณสร้างขึ้น เพราะพวกเขามักจะค้นหารายละเอียดงาน ลงทะเบียน รวมถึงพูดคุยเรื่องราวของงานผ่านช่องทางออนไลน์กันเป็นส่วนใหญ่ คุณสามารถเพิ่มองค์ประกอบที่เป็นมิตรนี้ได้โดยการเพิ่มรหัส QRCode ในเครื่องมือทางการตลาดทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นสื่อออฟไลน์ หรือออนไลน์ โค๊ดนี้จะเป็นช่องทางในการเข้าถึงงาน รวมถึงการลงทะเบียนอัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกให้แก่คนกลุ่มนี้

2. สร้างเครื่องมือการแชร์เพื่อขยายฐานผู้ร่วมงานชาว Millennialให้มากที่สุด

ด้วยลักษณะชีวิตของชาว Millennial ที่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลุ่มเพื่อนบนโลกออนไลน์ แบบที่ว่าเพื่อนทำอะไร มีอะไรฉันต้องมีบ้าง เพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์กลุ่ม คุณสามารถใช้พฤติกรรมนี้มาสร้างแรงดึงดูดได้เพียงเพิ่มปุ่ม ‘Mobile Sharing’ ในขั้นตอนการลงทะเบียนที่สามารถกระจายไปยังกลุ่มสนทนาได้อย่างกว้างขวาง หรือลดราคาค่าบัตรสร้างเป็นคอมเมนท์ไวรัลเพื่อดึงดูดใจ วิธีการนี้ใช้ได้ดีกับอีเว้นท์คอนเสิร์ต, การแข่งกีฬา, การจัดเทศกาลดนตรี

3. เสนอโปรโมชั่นที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ผ่านช่องทางออนไลน์

ในวันนี้เกือบทุกคนจะมีปฏิสัมพันธ์กับการจัดอีเว้นท์ผ่านโซเชียลมีเดีย นี่จึงเป็นวิธีที่ดีในการสร้างแบรนด์ของคุณผ่านเครื่องมือออนไลน์ การหาวิธีการใหม่อันน่าตื่นเต้นเพื่อบูรณาการสังคมออนไลน์เข้ากับโปรโมชั่นงานของคุณ จึงเป็นเครื่องมือสุดเจ๋งในการสร้างการมีส่วนร่วมให้แก่คนกลุ่ม Millennial เมื่อบูรณาการได้เกือบทุกขั้นตอนแล้ว ลองเสนอส่วนลดค่าบัตรให้แก่คนฟอลโลว์ คนที่กดไลค์ให้แก่งานคุณ หรือคนที่แชร์ข้อมูลต่าง ๆ ที่ประชาสัมพันธ์ ก็จะยิ่งทำให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างงานและคนกลุ่มนี้ได้ดียิ่งขึ้น

4. กระตุ้นความสนใจคนรุ่นใหม่ด้วยการติด Hash Tag

เพิ่มการมีส่วนร่วมที่มีต่องานด้วยการกระตุ้นให้มีการติดแฮทช์แท๊กแบบเฉพาะเจาะจงด้วยชื่องาน หรือชื่อบริษัทลงในโซเชียลมีเดีย ก็จะยิ่งทำให้งานนั้นเกิดกระแสการพูดถึงในโลกออนไลน์มากขึ้น และเมื่อมีการพูดถึงคุณอาจจะมีการเสนอรางวัลสมนาคุณ หรือโปรโมชั่นพิเศษสำหรับงานนี้หรืองานหน้าที่จะจัดขึ้นให้แก่คนที่ติดแฮทช์แท๊กเหล่านั้น

5. คิดสร้างอีเว้นท์บนคอนเซปต์สีเขียว

คนกลุ่ม Millennial นี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนหัวใจสีเขียว ห่วงใยสิ่งแวดล้อม รวมถึงคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมเป็นประเด็นสำคัญ ผู้จัดงานอีเว้นท์จึงควรใส่ใจเรื่องนี้ด้วยการปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการจัดงานบนพื้นฐานของการรักษาสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นอย่างจริงใจถึงการตระหนักในการสร้างสังคมที่ดีในอนาคต ก็เป็นอีกกลวิธีที่ทำให้คนกลุ่มดังกล่าวยอมรับ และเข้าร่วมงานของคุณด้วยความเต็มใจ

6. ล้วงลึกจิตใจด้วยการจ้างคนกลุ่ม Millennial มาเป็นทีมงาน

ถึงที่สุดแล้วการจะทำงานเพื่อให้เตะตาต้องใจกับคนกลุ่ม Millennial วิธีหนึ่งที่ง่ายที่สุด และเป็นทางลัดในการก้าวล่วงไปยังจิตใจส่วนลึก นั่นคือการจ้างคนกลุ่มนี้มาเป็นสตาฟในงานเสียเลย วิธีนี้นอกจากจะง่าย และสามารถรับประกันความสำเร็จได้ ยังสามารถทำให้คุณเรียนรู้ตัวตนเบื้องลึกของคนรุ่นใหม่นี้มาสร้างเป็นลูกเล่นในงานได้อย่างตรงจุด และบางครั้งการทำงานกับคนกลุ่มนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้คุณได้พบโลกทัศน์ใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อนก็ได้

Cover-Story19-P20-25-2.1

THE TOP 7 ONLINE MARKETING TRENDS 2016

1.  Video Ads จะเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการครอบครองโลกแห่งการตลาดออนไลน์

2.  ตำแหน่งในการจัดอันดับแอพพลิเคชั่นจะมีความสำคัญ และสามารถเพิ่มจำนวนการใช้งานให้แก่แอพพลิเคชั่นใด แอพพลิเคชั่นหนึ่งได้อย่างมหาศาล

3.  สมาร์ทโฟนจะสามารถครอบครองพื้นที่การใช้งานเดิมของคอมพิวเตอร์เดสก์ท๊อปได้อย่างเบ็ดเสร็จ

4.  ระบบปฏิบัติการผู้ช่วยแบบดิจิตอล อย่างเช่นโปรแกรม Siri และ Cortana จะเป็นเครื่องมือใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ

5.  เทคโนโลยี VirtualReality จะถูกสร้างให้มีความสำคัญมากขึ้นกับธุรกิจออนไลน์

6.  Wearable Device และ Internet of Things จะเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญของการตลาดออนไลน์

7.  ความต้องการในคอนเทนต์โฆษณาออนไลน์จะเพิ่มมากขึ้น จนสามารถทำให้ราคาค่าทำคอนเทนต์โฆษณาออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

Cr :http://www.forbes.com/

Admin
No Comments

Post a Comment